วันเสาร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2552

ข่าววันที่ 3 ม.ค.52


ยิวชั่วถล่มมัสยิดญาบัลยะฮฺ ชาวฟิเลสตีนลั่นต้องล้างแค้น


อิสราเอลชั่วยิงขีปนาวุธถล่มมัสยิดพังยับหลังฆ่ายกครัวครูสอนศาสนาชาวฟิเลสตีน ประชาชนประกาศลั่นหยาดเลือดของท่านต้องไม่สูญเปล่า พวกยิวต้องถูกล้างแค้น

มัสยิดญาบัลยะฮฺ ถูกถล่มจากการก่อการร้ายทางอากาศของอิสราเอลจนพังยับเยินทั้งอาคาร หลังกลุ่มก่อการร้ายอิสราเอลได้ก่ออาชญากรรมสงครามฆ่ายกครอบครัวเชคนีซาร์ รอยาน ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอิสลามวัย 49 ปีพร้อมภรรยา 4 คนและบุตรอีก 10 คน พร้อมกับเพื่อนบ้านอีก 2 คนคาบ้านพักในค่ายผู้อพยพญะบัลยะฮฺ ซึ่งเป็นอาคาร 4 ชั้นหลังถูกเครื่องบินก่อการร้ายของอิสราเอลทิ้งระเบิดขนาด 1 ตันเข้าใส่จนอาคารกลายเป็นกองเศษอิฐในพริบตา ชาวฟิเลสตีนต่างพากันคุ้ยเขี่ยซากอิฐหินพร้อมกับตะโกนก้องจะแก้แค้นให้ได้ โดยประกาศว่า "หยาดเลือดของนายนีซ่า รายัน และครอบครัวจะต้องไม่สูญเปล่า แค้นนี้จะต้องได้รับการชำระอย่างสาสม" เชครอยาน เป็นครูสอนศาสนาที่เป็นที่รักของชาวฟิเลสตีนทุกคน เพราะหลายครั้งที่ออกมาปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนเคียงบ่าเคียงไหล่กับบรรดานักรบประชาชนในดินแดนก็อซซะฮฺโดยไม่หวั่นเกรงอันตรายใดๆ จากการก่อการร้ายของอิสราเอล

ขณะที่นางซีปี ลีฟนี รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอลได้กล่าวหลังจากหารือกับประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ของฝรั่งเศสว่าปฏิบัติการโจมตีดินแดนก็อซซะฮฺประสบผลสำเร็จ แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของอิสราเอลที่จะยุติการโจมตีลงได้ และอ้างว่ายังไม่เกิดวิกฤติการณ์ด้านมนุษยธรรมในดินแดนก็อซซะฮฺ ดังที่ได้เห็นกันตามภาพข่าวไปทั่วโลกแต่อย่างใด

ทั้งนี้เป้าหมายในการก่อการร้ายของอิสราเอลครั้งนี้อยู่ที่ โรงเรียน มัสยิด โรงพยาบาล และบ้านเรือนประชาชนในดินแดนก็อซซะฮฺ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 420 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 2,000 คน ทำให้โรงพยาบาลที่ส่วนมากได้รับความเสียหายจากการก่อการร้ายของอิสราเอล ไม่สามารถรองรับผู้บาดเจ็บได้ นอกจากนี้ยังขาดแคลนยา และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์จำนวนมาก จากการที่กลุ่มก่อการร้ายอิสราเอลได้ปิดกันสิ่งของบรรเทาทุกข์ไม่ให้ส่งเข้ามายังดินแดนก็อซซะฮฺ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวฟิเลสตีนได้ รวมถึงการขาดแคลนไฟฟ้าใช้ ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ป่วยในห้องฉุกเฉินที่จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้จำนวนของผู้เสียชีวิตพุงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ขณะนี้



ชาวฟิเลสตีนในเวสต์แบงค์ร่วมประท้วงการก่อการร้ายของยิว


ประชาชนหลายหมื่นคน ได้ออกไปประท้วงทั่วเวสต์แบงค์หลังเสร็จสิ้นการละหมาดยุมอัต เพื่อแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับประชาชนในดินแดนก็อซซะฮฺ เรียกร้องให้เกิดเอกภาพในปาเลสไตน์ พร้อมระบุว่าบรรดาชาติอาหรับ ที่ไม่ยอมแสดงท่าทีใด ๆ ต่อปฏิบัติการก่อการร้ายของอิสราเอลโจมตีดินแดนก็อซซะฮฺ ผู้ประท้วงในกาลันดิยา รามัลเลาะห์ , เบธเลเฮม , นาบลัส และกัลกิลิยา ได้โบกธงปาเลสไตน์ และเผาธงชาติอิสราเอล ขณะร้องตะโกนคำขวัญต่าง ๆ

ในเมืองกาลันดิยาและกัลกิลิยานั้น ทหารอิสราเอล ได้ใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมของผู้ประท้วงจนผู้ประท้วงต้องขว้างก้อนหินเข้าใส่เพื่อตอบโต้ มีถนนบางสายที่วัยรุ่นพากันวิ่งหนีแก๊สน้ำตา และมีบางคนที่หยิบเอากระสุนแก๊สน้ำตากว้างกลับคืนไป ส่วนผู้ประท้วงอื่น ๆ ได้จุดไปเผาเศษขยะบนถนน รวมถึงถังขยะที่วางเรียงรายอยู่ด้วย แต่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากปฏิบัติการก่อการร้ายอันป่าเถื่อนของอิสราเอลที่มีเป้าหมายที่โรงพยาบาล โรงเรียน มัสยิด และบ้านพักอาศัยของประชาชนทั่วไป ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 420 คน และบาดเจ็บมากกว่า 2,200 คน ขณะผู้เสียชีวิตมากกว่าร้อยละ 25 เป็นผู้หญิง และเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กที่มีอายุไม่ถึง 2 ขวบหลายคนถูกฆ่าตายในปฎิบัติการอันป่าเถื่อนครั้งนี้ด้วย


ชาวฟิเลสตีนต้องเข้าคิวรับบริจาคอาหาร


ชาวฟิเลสตีน ได้เข้าแถวยาวที่หน้าบีช ดิสทริบิวชั่น เซ็นเตอร์ ของสำนักงานการทำงานและการบรรเทาทุกข์ของสหประชาชาติ หรือ UNRWA ในดินแดนก็อซซะฮฺ เพื่อรับแจกถุงบรรจุอาหาร ขณะที่การก่อการร้ายทางอากาศอันป่าเถื่อนโหดร้ายของอิสราเอลต่อชาวฟิเลสตีน ยังคงต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 เจ้าหน้าที่สหประชาชาติ ระบุว่า ประชาชนที่อาศัยอยู่ในกาซ่า 1.5 ล้านคน กำลังเผชิญสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมที่น่าวิตก จากปฏิบัติการโหดอย่างต่อเนื่องของอิสราเอล

อิสราเอล ได้เปิดจุดผ่านแดนไปยังกาซ่า เพื่อให้ขบวนรถบรรเทาทุกข์ด้านมนุษยธรรมเข้าไปในกาซ่า บางส่วนเป็นรถบรรทุกเวชภัณฑ์ และเครื่องปั่นใฟที่เดินทางมาจากอิยิปต์ผ่านเข้าทางจุดผ่านแดนเราะฟะห์ ซึ่ง UNRWA ได้เรียกร้องให้ขอความช่วยเหลือด้านอาหาร เวชภัณฑ์และสินค้าจำเป็นอื่น ๆ เป็นมูลค่า 34 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือกว่า 1 พันล้านบาท แต่สิ่งที่อิสราเอลยอมให้ผ่านเข้ามายังดินแดนก็อซซะฮฺ นั้นยังได้ไม่ถึงเศษเสี้ยวของความขาดแคลนที่เกิดขึ้นในดินแดนแห่งนี้

คณะกรรมการอิสลามฯ สงขลา ประณามอิสราเอลถล่มฟิเลสตีน


สำนักข่าวเอเอสทีวีผู้จัดการรายงานว่าคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.สงขลา ประณามอิสราเอลถล่มฟิเลสตีน เรียกร้องมุสลิมทั่วโลกร่วมต่อสู้ และให้รัฐบาลไทยแสดงจุดยืน

วานนี้ (2 ม.ค.)ที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.สงขลา นายอาศิส พิทักษ์คุมพล ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.สงขลา ร่วมกับสมาคมมุสลิมหาดใหญ่ สมาคมครูโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม จ.สงขลา และองค์กรอิสลามต่างๆ ในจ.สงขลา รวมกันออกแถลงการณ์ เรื่อง การสังหารหมู่ประชาชนชาวปาเลสไตน์(ฟิเลสตีน)โดยรัฐบาลอิสราเอล คือมูลเหตุแท้จริงของการก่อการร้ายทั่วโลก

แถลงการณ์ส่วนหนึ่งซึ่งอ่านโดย นายอาศิส พิทักษ์คุมพล ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.สงขลา ระบุว่า “ปฎิบัติการทางทหารของอิสราเอลต่อประชาชนชาวปาเลสไตน์(ฟิเลสตีน) ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม ส่งท้ายปี 2008 ซึ่งได้สังหารชีวิตพลเรือนไปแล้ว 385 คน บาดเจ็บ 1,750 คน แม้จะถูกประณามจากทั่วโลก แต่เป็นที่น่าสังเกตุว่าประเทศมหาอำนาจทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกา รวมทั้งพหุภาคีระดับโลกทั้งหลาย มักจะหรี่ตาทำเป็นมองไม่เห็นเสียและยังขัดขวางมติใด ๆ ที่จะลงโทษอิสราเอลเสมอ ขณะที่จะรีบลงโทษหรือประณามกลุ่ม ประเทศใด ก็ตามทีทำให้อิสราเอลเกิดความเสียหาย สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่ามหาอำนาจไม่ได้มีความจริงใจที่จะพิทักษณ์ปกป้องชีวิต ของผู้อ่อนแอ และไม่มีความตั้งใจที่จะผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรมที่กล่าวอ้างอยู่เสมอแต่ อย่างใด

ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลจึงเป็นชนวนเหตุสำคัญของความไม่สงบและ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอยู่ทั่วโลก ทั้งนี้เพราะการกระทำของอิสราเอลเป็นการก่อการร้ายที่รุนแรงยิ่ง และหากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกยังคงเพิกเฉยเย็นชาต่อปฏิบัติการนี้โลกอาจจะหาความสงบร่วมเย็นไม่ได้ อีกเลย”

สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจ.สงขลา จึงขอประณามการกระทำอันป่าเถื่อนของอิสราเอลในครั้งนี้ และขอเรียกร้องให้มุสลิมทั่วโลกร่วมต่อสู่ ร่วมเจ็บปวดและยืนเคียงข้างพี่น้องประชาชนชาวปาเลสไตน์(ฟิเลสตีน) และขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยแสดงจุดยืนที่แสดงถึงความรักในความยุติธรรม และความเห็นอกเห็นใจผู้ถูกข่มเหงรังแก และขอเรียกร้องให้ประเทศมหาอำนาจและองค์การสหประชาชาติใช้สรรพกำลังที่มี อยู่ทั้งหมดผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรม เพื่อจรรโลงไว้ซึ่งความสงบร่วมเย็นของประชากรโลกทั้งหมดต่อไป

ที่มา : http://www.pinonlines.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น